การปรากฏตัว ของ ไลท์นิง (ไฟนอลแฟนตาซี)

ใน ไฟนอลแฟนตาซี XIII

ไลท์นิงใน ไฟนอลแฟนตาซี XIII-2 และ ไลท์นิงรีเทิร์น แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในด้านภาพลักษณ์ของไลท์นิงตามเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปข้างหน้า[19][22][23][36]

ไลท์นิงและเซราห์น้องสาวของเธอเป็นประชาชนในคูคูน (Cocoon) ซึ่งเป็นโลกจำลองที่ลอยอยู่เหนือดาวเคราะห์ชื่อแกรนพัลซ์ (Gran Pulse) ภูมิภาคต่าง ๆ ของทั้งสองโลกนั้นควบคุมโดยฟาลซี (fal'Cie) เชื้อชาติครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพที่แบ่งเป็นสองสำนัก "แซงก์ทัม" (Sanctum) แห่งคูคูน และ "พัลซ์" (Pulse) แห่งแกรนพัลซ์ ซึ่งเป็นศัตรูกัน[41][42] ใน ไฟนอลแฟนตาซี XIII เอพิโซดเซโร่ โพรมิส ชุดนิยายเกี่ยวกับเรื่องราวก่อนหน้าเหตุการณ์ในภาค XIII เปิดเผยว่าครอบครัวของไลท์นิงและเซราห์ตายเมื่อพวกเธอยังเด็ก จึงทำให้ปณิธานของไลท์นิงเป็นการปกป้องน้องสาวของเธอ แต่ภายหลังเธอกลับเพิกเฉยเซราห์[43] เธอเติมโตมาด้วยจิตอคติต่อสโนว์เพราะเขามีความสัมพันธ์แบบโรแมนติกกับเซราห์และเขาอยู่กับฝ่ายกบฎรัฐบาลที่ชื่อโนรา (NORA)[44] ไลท์นิงค้นพบในภายหลังว่าเซราห์ถูกสาปให้กลายเป็นลาซี (l'Cie) หรือมนุษย์ที่ถูกจองจำด้วยพลังเวทมนตร์โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการบรรลุภารกิจที่ได้รับจากอานิมา ซึ่งเป็นฟาลซีของแกรนพัลซ์ ลาซีผู้ใดที่ทำภารกิจสำเร็จ ร่างกายของผู้นั้นจะเปลี่ยนเป็นคริสตัล เดิมทีแล้วไลท์นิงคิดว่าเซราห์จะใช้เหตุผลนี้ในการเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะแต่งงานกับสโนว์[45] ภายหลังเธอตัดสินใจถอดตัวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มการ์เดียนคอปส์ (Guardian Corps) และสมัครใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อช่วยเหลือเพิร์จ (Purge) หรือกลุ่มประชาชนที่ถูกขับไล่ออกจากเมืองด้วยคำสั่งของอานิมา[46] เพื่อที่จะช่วยน้องสาวของเธอ

ใน ไฟนอลแฟนตาซี XIII ไลท์นิงพบอานิมาโดยมีโฮป, ซัส คัตส์รอย, และโอร์บาไดอา วานีล เป็นผู้ร่วมเดินทาง ซึ่งพวกเขาทั้งสามล้วนเป็นผู้ลี้ภัยจากคูคูน เมื่อพวกเขาเจอเซราห์ ก็พบว่าเธอได้เปลี่ยนร่างเป็นคริสตัลไปเสียแล้ว ไลท์นิงกับพวกพ้องจึงเข้าสู้อานิมาแต่กลับถูกตราหน้าว่าเป็นลาซีเมื่อไซคอม (PSICOM) กองทัพของคูคูน ทำลายอานิมาลง แต่เนื่องจากไลท์นิงไม่เชื่อว่าสโนว์จะปกป้องน้องสาวของเธอ เธอจึงเมินเฉยทั้งคู่ ซึ่งต่อมาพวกเขาทั้งสองได้รับการช่วยเหลือจาก โอร์บายูน ฟังก์ และกลุ่มทหารรับจ้างของคูคูนชื่อคาวัลรี (Cavalry) ในที่สุดไลท์นิงก็ออกเดินทางกับโฮปแค่สองคน เธอช่วยเหลือโฮปโดยการปกป้องและฝึกฝนเขาด้วยความไม่รู้ว่าเขามีแผนแอบลอบสังหารสโนว์อยู่[47] หลังจากนั้นไลท์นิงก็เริ่มเกลียดชังตนเองที่ถูกตราหน้าให้เป็นลาซีและรู้สึกผิดที่เธอไม่เชื่อในเรื่องราวของเซราห์[48][49] หลังจากที่เธอก้าวพ้นปัญหาเหล่านี้แล้ว เธอจึงยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างสโนว์กับเซราห์และเชื่อมั่นว่าสโนว์จะเป็นคนปกป้องเธอ[50] เมื่อพวกเขาสังหารออร์ฟาน (ฟาลซีในสำนักแซงก์ทัม) เพื่อช่วยเหลือคูคูน ไลท์นิงและพวกพ้องจึงได้กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง ยกเว้นฟังก์กับวานีลที่พวกเธอทั้งสองยอมสละชีวิตตนเองเพื่อหยุดยั้งไม่ให้คูคูนถล่มลงมาชนกับแกรนพัลซ์

ใน ไฟนอลแฟนตาซี XIII เอพิโซดวัน นิยายสั้นที่เล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในภาค XIII บอกว่าไลท์นิงนั้นกระวนกระวายเพราะไม่รู้ว่าการต่อสู้ของเธอนั้นจบลงแล้วหรือยัง เธอออกจากบ้านเพื่อที่จะช่วยเหลือฟังก์และวานีล แต่ก็ได้อวยพรให้กับเซราห์และสโนว์ในงานแต่งงานก่อนที่เธอจะออกผจญภัย หลังจากนั้นไลท์นิงพบว่าตนเองตกอยู่ในหลุมมืดทมิฬ แต่ก็ยังตัดสินใจเดินหน้าต่อไป[51]

ใน ไฟนอลแฟนตาซี XIII-2 ไลท์นิงหายตัวไป และทุกคนยกเว้นเซราห์เชื่อว่าเธอนั้นตายไปแล้วพร้อมกับวานีลและฟังก์เพื่อที่จะช่วยคูคูน[52] ในความจริงแล้ว ไลท์นิงถูกนำพาตัวไปยังวาลฮัลลา เมืองหลวงของเทพธิดานามว่าเอโทร (Etro) ที่มีบัญชาให้ไลท์นิง วานีล และฟังก์หลุดพ้นจากคำสาปลาซี ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เวลาบิดเบือนและส่งผลให้ความทรงจำของไลท์นิงถูกลบหลังจากการล่มสลายของคูคูน[53] แต่ด้วยความหวังที่อยากจะชดเชยให้กับผู้ตายในขณะที่เธอเป็นลาซี ไลท์นิงจึงเลือกที่จะอยู่ในวาลฮัลลาเพื่อปกป้องเอโทรที่กำลังตายจากไกอุสบัลลาด ชายอมตะที่มีจิตเคียดแค้นเอโทร[54][55] ไลท์นิงได้ขอความช่วยเหลือจากโนเอลไครส์ (ตัวละครหลักในภาค XIII-2) และเซราห์เพื่อหยุดยั้งไกอุสจากการหยุดเวลา ไกอุสมีแผนทำเช่นนั้นโดยการปลดปล่อย "เคออส" พลังงานเหนือธรรมชาติที่ควบคุมโดยเอโทร ไปยังโลกมนุษย์[56] เซราห์และโนเอลเดินทางไปในอนาคตเพื่อแก้ไขการบิดเบือนประวัติศาสตร์นี้ แต่เซราห์กลับตายลงหลังจากที่ประวัติศาสตร์ย้อนกลับคืนมา ในภาคเสริมตอนเรเควียมออฟเดอะกอดเดส ไลท์นิงแพ้ในการต่อสู้กับไกอุสและสูญสิ้นความหวังหลังจากที่ค้นพบว่าน้องสาวของเธอได้ตายลง แต่ไลท์นิงก็ได้รับการปลอบประโลมจากวิญญาณของเซราห์ที่กล่าวไว้ว่าอย่าลืมตัวตนของเธอ[57] ไลท์นิงสาบานว่าจะปกป้องความทรงจำของเซราห์ตลอดไปโดยการแปลงร่างตนเองให้เป็นคริสตัล ซึ่งจะปกป้องเธอไม่ให้ได้รับผลกระทบหลังจากที่การตายของเอโทรนั้นปลดปล่อยเคออสออกมา[58]

ในภาค ไลท์นิงรีเทิร์น หลังจากที่เหตุการณ์ในภาค XIII-2 ผ่านมา 500 ปี ไลท์นิงได้รับการชุบชีวิตจากเทพบูนนิเวลซ์ โลกได้ถูกกำหนดว่าจะถึงกาลอวสานภายในเวลา 13 วันเนื่องจากอิทธิพลจากเคออสที่รบกวนโลก และไลท์นิงได้รับเลือกให้เป็นผู้กอบกู้โลกใบนี้ บูนนิเวลซ์สัญญาว่าจะชุบชีวิตเซราห์ขึ้นมาให้หากเธอทำภารกิจสำเร็จ[59] และด้วยความช่วยเหลือจากโฮป ไลท์นิงได้ปลดปล่อยเพื่อนพ้องของเธอจากการทับถมทางอารมณ์ ได้พบกับโอดินที่อยู่ในรูปของโจโคโบะสีขาว และได้พบกับลูมิน่า หรือการสำแดงความอ่อนแอของตัวเธอในร่างมนุษย์[60] ภายหลังปรากฏว่าไลท์นิงเริ่มสงสัยในสัญญาของบูนนิเวลซ์หลังจากที่เธอค้นพบว่าเขาขโมยวิญญาณของเซราห์และเปลี่ยนแปลงความทรงจำของเธอ ไลท์นิงจึงทรยศเขาหลังจากที่เขาสร้างโลกใบใหม่เสร็จ[61][62] และเมื่อโลกเดินทางมาถึงกาลอวสาน ไลท์นิงได้เข้าต่อสู้กับบูนนิเวลซ์ เทพผู้ซึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงมนุษย์ให้เหมือนตนเองและได้มองว่าไลท์นิงเป็นตัวแทนของเอโทรเสมอมา[63] ถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมตัวที่จะเติมเต็มบทบาทใหม่และละทิ้งชีวิตความเป็นมนุษย์ของเธอ ไลท์นิงก็ได้เลือกที่จะขอความช่วยเหลือและยอมรับให้ลูมิน่าเป็นหนึ่งในตัวตนของเธอ[64] ทุก ๆ คนที่เธอเคยช่วยเหลือรวมทั้งเซราห์ได้พบกับเธออีกครั้งและสังหารบูนนิเวลซ์ลงได้ ไลท์นิงจึงได้เห็นถึงการสร้างจักรวาลใหม่ ซึ่งเธอกับพวกพ้องและวิญญาณของมนุษยชาติทั้งหมดก็ได้ย้ายไปอยู่ที่จักรวาลนั้น ในตอนอวสาน เธอนั่งอยู่บนรถไฟเพื่อเดินทางไปหาเพื่อน ๆ ของเธออีกครั้ง[15][lower-alpha 2]

การปรากฏตัวอื่น ๆ

นอกจากภาค XIII แล้ว ไลท์นิงยังปรากฏตัวในเกมอื่น ซึ่งส่วนใหญ๋จะเป็นภาคแยกของเกมชุด ไฟนอลแฟนตาซี ในเกมต่อสู้ ดิสซิเดีย 012 ไฟนอลแฟนตาซี เธอเป็นหนึ่งในนักรบที่ได้รับการอัญเชิญจากเทพธิดาคอสมอส[65] เดิมทีแล้วมีกำหนดการเปิดตัวไลท์นิงในเกม ดิสซิเดีย ไฟนอลแฟนตาซี ซึ่งเป็นภาคก่อนหน้า แต่ความคิดนั้นก็ถูกลบออกเพราะ ไฟนอลแฟนตาซี XIII ยังไม่ได้รับการกำหนดวันวางแผงและทางสแควร์เอนิกซ์ก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวละครก่อนเวลาอันสมควร[66] ในส่วนเรื่องราวของ ดิสซิเดีย 012 นั้น ไลท์นิงและผองเพื่อนได้ประชัญหน้ากับสิ่งเทียมชีวิตเรียกว่ามานิคินส์ ซึ่งถ้าหากพวกเหล่ามานิคินส์สามารถสังหารผู้ใด ผู้นั้นจะไม่มีวันได้เกิดอีกตลอดกาล ทำให้หลักการชุบชีวิตของโลกแปรปรวน[67] ไลท์นิงเป็นผู้นำเหล่านักผจญภัยไปยังประตูมิติที่ส่งมานิคินส์ออกมา และคนภายในกลุ่มก็สละชีพตนเองเพื่อที่จะปิดมัน[68] เธอมีชุด 3 แบบภายในเกม[69] และเธอได้ปรากฏตัวอีกครั้งกับเกมอาร์เคดในปี 2015[70] และเกมคอนโซลชื่อ ดิสซิเดีย ไฟนอลแฟนตาซี เอ็นที[71]

ไลท์นิงปรากฏตัวอีกครั้งในเกม ไฟนอลแฟนตาซี XIV อะเรียลม์รีบอร์น ในขณะที่เธอกำลังอยู่ในร่างคริสตัลจากภาค XIII-2 และ ไลท์นิงรีเทิร์น ไลท์นิงและเหล่ามอนสเตอร์จากโลกของเธอปรากฏตัวในดินแดนที่เรียกว่าเออร์เซอา (Eorzea)[72] มีคำใบ้ว่าเธอถูกส่งไปยังที่นั่นโดยบูนนิเวลซ์เพราะเขาอยากขัดเกลาความสามารถในการต่อสู้ของเธอในภายภาคหน้า[73] หลังจากที่เหตุการณ์สิ้นสุดลง ไลท์นิงกล่าวกับผู้เล่นเป็นครั้งสุดท้ายว่าเธอรู้สึกขอบคุณมากสำหรับเวลาที่พวกเขาใช้ไปกับเธอในดินแดนเออร์เซอา ในขณะที่เธอกำลังจะกลับโลกที่เธอจากมา เธอยังได้ขอให้ผู้เล่นจดจำเรื่องราวในโลกของเธอด้วย[74] ผู้เล่นที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้จะได้รับอุปกรณ์และชุดจากภาค XIII[75] นอกจากนี้ ไลท์นิงยังปรากฏตัวเป็นพันธมิตรใน เวิลด์ออฟไฟนอลแฟนตาซี เช่นกันโดยใส่ชุดจากภาค ไลท์นิงรีเทิร์น[76] และได้มีส่วนร่วมในเกมโทรศัพท์มือถือ โมบิอัส ไฟนอลแฟนตาซี ทั้งในฉบับภาษาญี่ปุ่นและภาษาต่างประเทศ ในตอนพิเศษที่ชื่อว่า ไลท์นิง รีซูเรกชัน[77][78]

ในเกมกดตามจังหวะ ทีตรึทึม ไฟนอลแฟน่ตาซี และภาคเสริมของเกมนี้ เคอร์เทนคอล ไลท์นิงเป็นตัวละครในฐานะตัวแทนของภาค XIII[79][80] และปรากฏตัวในชุดจากภาค XIII-2 ใน ไฟนอลแฟนตาซี แอร์บอร์นบริเกต[81] นอกจากนี้เธอยังเป็นตัวละครในเกมโทรศัพท์มือถือ ไฟนอลแฟนตาซี ออลเดอะเบรฟเวสต์ และ ไฟนอลแฟนตาซี เรกคอร์ดคิปเปอร์ [82][83] ตัวละครเสริมพลังใน ไฟน อลแฟนตาซี เอ็กซ์พลอเรอร์[84] ตัวจิบิใน ไฟนอลแฟนตาซี อินอิทะดะกิสตรีตโมบาย[85] และปรากฏอยู่บนไพ่ใน ไฟนอลแฟนตาซี อาร์ตนิกส์[86] และหลังจากที่มีการสันนิษฐานว่าเธอจะปรากฏตัวอีกครั้งในเกม ไฟนอลแฟนตาซี ชุดหลักหลังจากภาค ไลท์นิงรีเทิร์น คิตะเซะได้ออกมาชี้แจงในปี 2013 ว่าเธอจะปรากฏตัวในภาคเสริมต่าง ๆ แต่บทบาทในซีรีส์ชุดหลักได้จบลงแล้ว[87]

ไลท์นิงยังปรากฏในเกมชุดที่ไม่ใช่ ไฟนอลแฟนตาซี เช่นกัน อาทิเช่น คิงดอมฮาร์ตส์ รีโคตเดต[88] และ พัตเซิลแอนด์ดรากอน ร่วมกับตัวละครอื่นจาก ไฟนอลแฟนตาซี ภาคอื่น[89] นอกจากนี้ชุดของเธอจากภาค XIII นั้นก็มีการนำไปใส่ให้กับตัวละครชื่ออายะเบรียใน เดอะเติร์ตเบิร์ธเดย์ และเธอยังเป็นตัวละครในเกมยิงปืนอาร์เคด กันสลิงเกอร์ สตราโตส 2[90][91] มายะ ซากาโมโตะ เป็นนักพากย์เสียงของทั้งอายะเบรียและไลท์นิง เมื่ออายะเบรียสวมชุดของไลท์นิง เธอจะพากย์เสียงอายะเบรียให้เหมือนกับตัวละครนี้[90]

ในผลิตภัณฑ์และงานประชาสัมพันธ์

ไลท์นิงได้รับเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์ของเกม ไฟนอลแฟนตาซี XIII โดยสแควร์เอนิกซ์ มีสร้อยคอ 2 เส้น[92][93] และน้ำหอมชื่อว่าไลท์นิงอูเดอโทเรต (Lightning eau de toilette) ที่ผลิตขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจมาจากเธอ[94] กระบวนท่าในการต่อสู้ของเธอจากภาค XIII นั้นได้รับการพัฒนาโดยเพลย์อาร์ตไค ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับจ้างให้ผลิตโมเดลของตัวละครในเกมชุด ไฟนอลแฟนตาซี[32] เธอยังปรากฏอยู่บนไพ่ในเกมไพ่ต่าง ๆ ของ ไฟนอลแฟนตาซี[95] และในภาพยนตร์โฆษณาชื่อไมเคิล ร่วมกับตัวละครอื่น ๆ เช่น นาธาน เดรก, คราโตส, และโคลแม็กเกรธ[96] นอกจากนี้ยังมีดาราและนักแสดงบางคนนำเธอไปคอสเพลย์ใน ไฟนอลแฟนตาซี ทะเวนตีฟิฟธ์แอนนิเวอซารีอีเว้นต์ ซึ่งจัดในงานเอเชียเกมโชว์ 2013[97] เธอปรากฏตัวอีกครั้งในภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อ ไลท์นิงรีเทิร์น[98] ต่อมาในเดือนเมษายน 2012 ไลท์นิงและเพื่อนของเธอจากภาค XIII-2 ปรากฏตัวเป็นแบบดีไซน์ให้กับพราดาในนิตยสาร 12 หน้าสำหรับผู้ชายชื่อ อารีนา โฮมพลัส เพื่อที่จะประชาสัมพันธ์ ไลท์นิงรีเทิร์น[99][100] หลังจากนั้นไลท์นิงได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับขนมที่ผลิตโดย เอะซะกิ กลิโกะ[101] ในปี 2015 เธอปรากฏตัวในโฆษณาของบริษัทแฟชันฝรั่งเศส หลุยส์ วิตตอง ที่ออกแบบโครงเรื่องโดยโนมูระและกำกับโดย นิโคลัส เกคแควร์[102]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไลท์นิง (ไฟนอลแฟนตาซี) http://www.1up.com/do/reviewPage?pager.offset=1&cI... http://www.1up.com/news/e3-2008-xiii-interview http://www.1up.com/news/ffxiii-interview http://www.1up.com/news/motomu-toriyama-talks-maki... http://www.1up.com/news/snake-beats-mario-coolest-... http://www.afterellen.com/25-hottest-female-video-... //www.amazon.com/dp/B004MZKZJK http://andriasang.com/compje/3rd_birthday_dev_inte... http://andriasang.com/comtou/ffxiii_and_fnc_interv... http://andriasang.com/comtqv/nomura_other_games/